แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ ได้สำเร็จ โดยจะพบกับวีแกน แอธเลติก ที่สนามมิลเลนเนี่ยม ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ หลังจากคว้าชัยชนะ 2-1 ได้อย่างน่าพอใจในการพบกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตูจากรุด ฟาน นิสเตลรอย และหลุยส์ ซาฮา เอาชนะลูกยิงของสตีเว่น รีด และช่วยให้ปิศาจแดง คว้าชัยชนะด้วยประตูรวม 3-2 ทำให้ได้ไปเยือนกรุงคาร์ดิฟฟ์เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี
มีการคาดหมายแม้ว่ารายการนี้มักจะสงวนไว้สำหรับนักเตะเยาวชน แต่เมื่อได้เข้าสู่รอบลึกมากขึ้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลือกที่จะส่งนักเตะที่มีประสบการณ์ลงเล่นมากขึ้น แต่ความแข็งแกร่งของทีมที่ผู้จัดการทีมปิศาจแดง ใช้ในเกมนัดนี้แสดงให้เห็นว่าคาร์ลิ่ง คัพ มีความสำคัญขนาดไหนสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะเพียง 2 คนคือ เวส บราวน์ และคีแรน ริชาร์ดสัน เท่านั้นที่เคยลงเล่นในเกมที่เอาชนะบาร์เน็ต 4-1 ซึ่งเป็นเกมนัดแรกในรายการนี้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนตุลาคม
เซอร์ อเล็กซ์ เปลี่ยนแปลงทีม 3 ตำแหน่งจากชุดที่เสมอแบล็คเบิร์น 1-1 ในนัดแรกของรอบนี้ ปาทริซ เอวร่า ลงเล่นแทนมิเกล ซิลแวสตร์, คีแรน ริชาร์ดสัน ลงเล่นแทนคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และรุด ฟาน นิสเตลรอย ลงเล่นแทนอลัน สมิธ
ดาวยิงดัตช์แมน เคยลงเล่นในคาร์ลิ่ง คัพ ฤดูกาลนี้เพียงนัดเดียวเท่านั้น โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของหลุยส์ ซาฮา ที่สนามอีวูด พาร์ค แต่เขาใช้เวลาเพียง 8 นาทีจากการลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกก็มีชื่อเป็นผู้ทำประตูได้แล้ว
ไมเคิล เกรย์ แบ็คซ้ายของแบล็คเบิร์น เสียบอลทางฝั่งซ้ายที่กึ่งกลางสนาม ไรอัน กิ๊กส์ ตอบโต้ทันควันด้วยการไหลบอลไปให้กับเวย์น รูนี่ย์ แทนที่จะจับบอล รูนี่ย์ ปล่อยบอลไหลและกลับตัวอย่างชาญฉลาดแล้วกระชากบอลเข้าหากรอบเขตโทษดึงกองหลังของแบล็คเบิร์น เข้ามาหาก่อนที่จะแทงบอลออกทางด้านขวา บอลไปติดตัวของไมเคิล เกรย์ แล้วเด้งกลับมาเข้าทางของรุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงดัตช์แมน ไม่รอช้าจิ้มบอลด้วยปลายเท้าขวาสวนตัวแบรด ฟรีเดล เข้าไปเสียบมุมเสาไกลอย่างสวยงาม เป็นประตูในช่วงต้นเกมที่ปิศาจแดง ต้องการอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 8
หลังจากนั้น กิ๊กส์ ก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปเนื่องจากดูเหมือนว่าจะมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า โดยนักเตะที่ลงเล่นแทนปีกพ่อมด คือ อลัน สมิธ ซึ่งลงเล่นในนัดนี้เป็นนัดที่ 3 เท่านั้นภายในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา และเขาก็เข้าไปปะทะกับร็อบบี้ ซาเวจ ทำให้ได้รับใบเหลืองไป ส่วนปีกพ่อมด ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากกองเชียร์ปิศาจแดง ตามปกติ
ทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส เล่นกันอย่างเหนียวแน่นและไม่ยอมให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมเอาไว้ได้ แล้วก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ ริชาร์ดสัน พยายามเตะสกัดบอลให้พ้นกรอบเขตโทษออกไป แต่ทำได้ไม่ดีพอบอลไปแฉลบตัวของเวส บราวน์ ไปเข้าทางของสตีเว่น รีด ปีกขวาของแบล็คเบิร์น ซัดเต็มข้อด้วยเท้าขวาลอดตัวเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าประตูไป แบล็คเบิร์น ตามตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 32
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะกลับขึ้นมานำอีกครั้งในนาทีที่ 42 เมื่อปิศาจแดง ได้ลูกจุดโทษ รูนี่ย์ โหม่งชงลูกโยนยาวต่อไปให้กับฟาน นิสเตลรอย ซึ่งพยายามจะกระดกบอลข้ามตัวซูราบ คิซานิชวิลี่ แต่กองหลังของแบล็คเบิร์น ใช้มือสัมผัสบอล เกรแฮม โพลล์ ไม่รอช้าชี้ไปที่จุดโทษทันที อย่างไรก็ตาม ฟาน นิสเตลรอย ซัดลูกนี้ไปให้แบรด ฟรีเดล ปัดออกหลังไปได้
จากการที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ในครึ่งเวลาแรก เกมนัดนี้จะต้องดุเดือดมากขึ้นแน่นอน แต่ความร้อนแรงเริ่มขึ้นตั้งแต่สิ้นเสียงนกหวีดเข้าสู่ช่วงพักครึ่งเวลา ร็อบบี้ ซาเวจ มีความสามารถในการเป็นปรปักษ์ได้กับทุกคน หลังจากเอาไหล่ไปกระแทกกับฟาน นิสเตลรอย และถูกริโอ เฟอร์ดินานด์ บอกกล่าวอะไรไปเล็กน้อย ความอดทนของซาเวจ ซึ่งมีน้อยอยู่แล้วก็หมดลง เขาตอบโต้และไล่ตามริโอ เข้าไปในอุโมงค์ และนักเตะที่เหลืออีกเกือบ 20 คนก็วิ่งกรูตามเข้าไป
ในครึ่งเวลาหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นได้ดี และเป็นอีกครั้งที่ฟาน นิสเตลรอย ถูกปฏิเสธการทำประตูจากฟรีเดล ที่โชว์ซูเปอร์เซฟในนาทีที่ 49
แต่ประตูขึ้นนำก็เกิดขึ้นในอีก 2 นาทีต่อมา เฟล็ตเชอร์ กระแทกตูกาย และตัดบอลมาได้ที่กลางสนามแล้วไหลบอลไปให้กับรูนี่ย์ กองหน้าวัย 20 ปี พาบอลหนีนักเตะของแบล็คเบิร์น ก่อนที่จะเปิดบอลกลับเข้าไปกลางประตูให้กับซาฮา ดาวยิงชาวฝรั่งเศส ง้างเท้าซ้ายวอลเล่ย์ทันที บอลลอยโค้งเบียดเสาขวามือของฟรีเดล เข้าไปตุงตาข่ายอย่างงดงามชนิดที่ฟรีเดล ยืนนิ่งไม่ขยับตัว เป็นประตูที่ 5 ของซาฮา จากการลงสนามในคาร์ลิ่ง คัพ 4 นัดในฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 51
ด้วยสกอร์ที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย เกมนัดนี้เสี่ยงที่จะถูกตีเสมอและต้องไปเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษก็เป็นได้ แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเล่นกันได้อย่างสบายในครึ่งหลัง เป็นอีกครั้งที่รูนี่ย์ เป็นศูนย์กลางในการเดินเกมของปิศาจแดง
ปาทริซ เอวร่า ดูเหมือนว่าจะมีอาการบาดเจ็บ จึงถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนหมดเวลา 10 นาที โดยให้มิเกล ซิลแวสตร์ ลงเล่นแทน
เมื่อเหลือเวลาการแข่งขันประมาณ 5 นาที เซอร์ อเล็กซ์ ต้องการให้เกมรับแน่นหนาขึ้นจึงส่งเนมานย่า วิดิช เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวใหม่วัย 24 ปี ลงประเดิมสนามในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยลงไปเล่นแทนรุด ฟาน นิสเตลรอย
ปิศาจแดง เปลี่ยนมาใช้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนคือ เฟอร์ดินานด์, วิดิช และบราวน์ โดยมีสมิธ, เฟล็ตเชอร์ และริชาร์ดสัน เล่นในแผงกองกลาง
แบล็คเบิร์น จะต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่และได้ลูกเตะมุมหลายครั้งในตอนท้ายเกม ทำให้ยังต้องลุ้นกันต่อในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย แต่ท้ายที่สุดแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็รักษาสกอร์ที่นำอยู่เอาไว้ได้ ก่อนที่จะหมดเวลาการแข่งขันไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะในนัดนี้ 2-1 และรวมผล 2 นัดมีประตูรวม 3-2 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ พบกับวีแกน แอธเลติก ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่สนามมิลเลนเนี่ยม โอกาสคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้ใกล้เข้ามาแล้ว (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ปาทริซ เอวร่า 3
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 ( น. 58)
เวย์น รูนี่ย์ 8
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 51)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 8)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 น. 80 ปาทริซ เอวร่า 3
เนมานย่า วิดิช 15 น. 86 รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
อลัน สมิธ 14 ( น. 27) น. 13 ไรอัน กิ๊กส์ 11
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบรด ฟรีเดล 1
ไมเคิล เกรย์ 33
ซูราบ คิซานิชวิรี่ 3
ลูคัส นีลล์ 2 ( น. 42)
ไรอัน เนลเซ่น 6
เดวิด เบนท์ลี่ย์ 29
มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 12
สตีเว่น รีด 14 ( น. 32)
ร็อบบี้ ซาเวจ 8
เคริโมกลู ตูกาย 16
เชฟกี้ กูกี้ 9
สำรอง
ปีเตอร์ อังเคิลแมน 13
แอรอน โมโคเอน่า 15
แอนดี้ ท็อดด์ 4
เบรตต์ เอเมอร์ตัน 7 น. 76 เชฟกี้ กูกี้ 9
เซอร์จิโอ ปีเตอร์ 31 น. 86 เคริโมกลู ตูกาย 16
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, เวส บราวน์ 8, ปาทริซ เอวร่า 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, แกรี่ เนวิลล์ 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 6, คีแรน ริชาร์ดสัน 5, เวย์น รูนี่ย์ 8, หลุยส์ ซาฮา 7, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, มิเกล ซิลแวสตร์ (สำรอง) 6, เนมานย่า วิดิช (สำรอง) 5, อลัน สมิธ (สำรอง) 7
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบรด ฟรีเดล 9, ไมเคิล เกรย์ 6, ซูราบ คิซานิชวิรี่ 6, ลูคัส นีลล์ 6, ไรอัน เนลเซ่น 7, เดวิด เบนท์ลี่ย์ 8, มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 6, สตีเว่น รีด 7, ร็อบบี้ ซาเวจ 7, เคริโมกลู ตูกาย 5, เชฟกี้ กูกี้ 6, เบรตต์ เอเมอร์ตัน (สำรอง) 6, เซอร์จิโอ ปีเตอร์ (สำรอง) 5
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ แบรด ฟรีเดล (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)
Por